บล๊อกนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาอิเตอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม



20 ก.ย. 2554

คลิปวีดีโอ รวมรูปผีๆ

ผีถ้วยแก้ว

การสื่อสารติดต่อวิญญาณระหว่างมนุษย์กับวิญญาณเรื่องราวศาสตร์เร้นลับที่มนุษย์พยายามค้นหาเรื่องผีถ้วยแก้วนี้ท่านอาจ

เคยได้ยินมาแล้วหรืออาจจะเคยร่วมเล่นมาแล้วก็ได้เพราะเป็นที่นิยมเล่นกันในหมู่เด็กและผู้ใหญ่มานานแล้วที่เรียกว่าเล่นก็เพราะ

ระหว่างดำเนินการนั้นเต็มไปด้วยความครื้นเครงนับว่าเป็นการกล้าเผชิญหน้ากับ"ผี"อย่างองอาจและเป็นมิตรมากทีเดียวเพราะ

ตามปกติแล้วไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่เป็นต้องขยาดผีจนขนหัวลุก เคยถามไถ่เรื่องผีถ้วยแก้วกับเกจิอาจารย์ท่านหนึ่งว่า"ผี" หรือ

"วิญญาณ" ที่เข้ามาสิงอยู่ในถ้วยแก้วนั้น"จริง" หรือ "เท็จ" ท่านบอกว่า "จริง" แต่บางครั้งก็เป็นวิญญาณของผีเร่ร่อน เพราะ

ฉะนั้นในบางคราวจึงทำนายทายทักอะไรไมค่อยตรง ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว บางทีเชิญวิญญาณหนึ่ง แต่อีกวิญญาณหนึ่งกลับรีบ

สวมรอยมาแทนก็มีพึงสังวรณ์ไว้ว่า การเรียกดวงจิต วิญญาณ การสื่อสารก็เหมือนกับการที่เราโทรศัพท์ไปหาใครสักคนหรือ

ไปเคาะประตูบ้านใครสักคน ถ้าเจ้าของอยู่หรือต้นสายปลายทางอยู่แน่นอนย่อมมีการรับสายหรือเปิดประตูออกมาต้อนรับพร้อม

ที่จะยอมสนทนาด้วยอย่างแน่นอน และเมื่อกระทำด้วยความบริสุทธิ์ด้วยแล้วก็น่าจะเป็นสิ่งที่น่ายินดี และน่าสนุกไป

กับการสื่อสารอันอัศจรรย์นี้ด้วย

ข้อควรระวัง!!



การเล่นผีถ้วยแก้วพึงระวังและสำเหนียกอยู่เสมอว่า เมื่อตัดสินใจที่จะเล่นสื่อสารกับวิญญาณบางสิ่งที่มองไม่เห็นตัวแล้วนั้นต้อง

ระมัดระวังให้ดี ผู้เล่นควรจะเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีและมีจ ิตแน่วแน่ในการที่จะเรียนรู้และสื่อสารอย่างบริสุทธิ์ใจอย่าให้ถ้วยแก้วเปิดก่อน

จบการเล่น เพราะเชื่อถือกันว่าวิญญาณจะอยู่ในถ้วยแก้วนั้นจนกว่า จะจบการเล่น ทั้งนี้และทั้งนั้นเมื่อวิญญาณที่ออกจากถ้วยแก้วไป

แล้วอาจมีใจอยากติดต่อสื่อสารกลับมาบ้างหรอืออาจมีมิตรใจที่ไปเยี่ยมเยือนเพื่อนสนิทที่ร่วมคุยร่วงสนทนานั้นบ้าง ผู้เล่นก็ควรจะ

เตรียมพร้อมและทำใจเพราะของอย่างนี้มันแล้วแต่กรณี



วิธีการเล่นผีถ้วยแก้ว โดยสังเขป

อุปกรณ์ :

- กระดาษขาวสำหรับเขียนตารางตัวอักษร

- ถ้วยแก้วขนาดเล็ก

- ธูป เทียน

- เครื่องเซ็น

วิธีเล่น :

- จุดธูปเชิญวิญญาณ

- นำถ้วยแก้วใส่ควันธูปและปิดให้สนิท นำมาคว่ำลงบนแผ่นกระดาษ

- ตั้งจิตอธิฐานและสมาธิให้แน่วแน่

- ใช้นิ้วแตะขอบถ้วยแก้วเพียงเบา ๆ

- ถามไถ่และดูการขยับ เคลื่อนไหวของถ้วยแก้ว

- พูดคุยและถามไถ่

- เชิญวิญญาณออกจากถ้วย

ข้อควรระวัง

- อย่าให้ควันออกจากถ้วยแก้ว

- อย่าเปิดถ้วยแก้วให้ขณะที่เล่น

- ตั้งจิต สมาธิให้แน่วแน่และสำรวมด้วยความบริสุทธิ์ใจ

หมายเหตุ

เตรียมตัวและทำใจให้พร้อมกับการที่ต้องพบเจอเหตุการณ์ในทุกสภาวะรูปแบบคน

จิตอ่อนขวัญ อ่อนไม่สมควรที่จะเล่น

อ่านใจจากภาพถ่าย

เอามือกอดอก

คนที่ถ่ายรูป แล้วชอบเอามือกอดอก มักจะเป็นคนชอบเสี่ยง ชอบความท้าทาย และใช้เงินฟุ่มเฟือย แต่ถ้ามีความรักและจะระมัดระวังตัวมาก จะพยายามทะนุถนอมความรักที่มี เป็นอย่างดี จึงทำให้สัมพันธภาพนั้นยืนยาว และมีความมั่นคง

นั่งไขว่ห้าง

คนคนนี้จะรักศักดิ์ศรีมากทีเดียว มีความซื่อสัตย์ และเป็นคนที่ค่อนข้างลึกลับ เอาใจใส่ และชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา คุณจะมองหาคำแนะนำดี ๆ ได้จากคนแบบนี้


ทำหน้าทะเล้นเด๋อด๋า

คนที่ชอบแอ็คท่าขี้เล่น เวลาถ่ายรูปเป็นคนที่ ค่อนข้างอ่อนไหว ขี้อาย แต่ขณะเดียวกันก็มีอารมณ์ขัน ชอบทำให้ผู้อื่นหัวเราะอยู่เสมอ จะไม่ชอบอยู่ท่ามกลาง คนแปลกหน้ามาก ๆ ถ้าให้เลือกได้ จะเลือกสนทนาปาร์ตี้อย่างอบอุ่น กับเพื่อนสนิทไม่กี่คนมากกว่า



วางมือไว้ที่หลังศรีษะ

ท่าแอ็คชั่นท่าพิเศษนี้ เป็นของคนที่ชอบสนุกสนาน ไม่แคร์อะไรทั้งนั้น ไม่ชอบพิธีการ ใช้ชีวิตเรียบง่าย ชอบทำอะไรประหลาด ๆ ให้คนอื่นแปลกใจอยู่เสมอ เมื่อเวลามีทุกข์ หรือมีเรื่องไม่สบายใจ ก็จะขอคำแนะนำจากเพื่อน ยิ่งเป็นเพื่อนสนิทด้วยแล้ว จะปฎิบัติตามคำแนะนำนั้น อย่างเชื่ออกเชื่อใจทีเดียว



ชอบหันใบหน้าด้านข้าง เข้าหากล้อง

คนที่ชอบถ่ายรูป โดยเอาใบหน้าด้านข้างเข้าหากล้องนั้น เป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง หนักแน่น ไม่หวั่นที่จ ะแก้ปัญหาใด ๆ ที่เกิดขึ้น จะเผชิญหน้ากับอุปสรรคตลอดเวลา เก็บรักษาของเป็นอย่างดี และไม่ยอมเสียผลประโยชน์ ใช้จ่ายเงินอย่างคุ้มค่า ไม่ฟุ่มเฟือย

ยิ้มเห็นฟันนิดหน่อย

ถ้าชอบถ่ายรูปในลักษณะนี้ คือจะยิ้มกว้างอย่างเต็มที่ แต่จะโชว์ให้เห็นฟันเพียงเล็กน้อย แสดงว่าเป็นคนชอบเข้าสมาคม สังสรรค์กับผู้อื่น เข้ากับคนได้ง่าย เฉลียงฉลาดเฉียบแหลม และมักจะมีไอเดียดี ๆ ให้ผู้อื่นเสมอ

ถ่ายรูปทีไร เป็นได้ยิ้มกว้างทุกที

คนที่ถ่ายรูปแล้วชอบยิ้มโชว์ฟัน ทำท่าเริงร่าสุดขีดนั้น ที่จริงแล้ว เป็นคนที่ชอบเก็บงำความรู้สึก เมื่อมีปัญหาอะไร ก็ไม่อยากให้ใครมารับรู้ ช่วยแก้ปัญหาด้วย เรียกได้ว่าไม่อยากให้ผู้อื่นไม่สบายใจ ในเรื่องของตนเอง จะพยายามแก้ไขปัญหา อย่างสุดความสามารถด้วยตนเอง ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแย่สักแค่ไหนก็ตาม แต่ในทางกลับกัน ถ้าเพื่อนต้องการความช่วยเหลือ ก็จะรีบเข้าไปช่วยทันที

เอามือจับที่คาง

ท่าแอ็คชั่นถ่ายรูปท่านี้ เป็นของคนที่มีอารมณ์ศิลปิน อ่อนไหว เมื่อชอบอะไรก็ตามจะทุ่มจนสุดตัว เมื่อรักใครก็รักสุดชีวิต และเมื่อเกลียดจะเกลียดแทบขาดใจ ถ้ามีเงินทองอยู่ในมือ ก็จะใช้จ่ายอย่างไม่เสียดาย ไม่มีการวางแผนไว้เผื่อวันข้างหน้า แต่ใช้ชีวิตวันนี้ให้คุ้มที่สุด

คำทำนายของนอสตราดามุส

....ชื่อของ นอสตราดามุส โหรผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอายุเมื่อหลายร้อยปีก่อนหน้านี้ถูกยกขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเหตุการณ์ที่ ไม่น่าเป็นไปได้ อย่างเช่นการไฮแจ็คเครื่องบินพาณิชย์ที่บรรทุกผู้โดยสารร้อยกว่าชีวิต ก่อนจะพุ่งเข้า ชน อาคารธุรกิจชื่อดังของโลกอย่าง เวิล์ด เทรดเซนเตอร์ ในกรุงนิวยอร์ก



เหตุการณ์หลังจากการชนนั้น ถูกนำไปผูกกับคำทำนายของเขาอย่างช่วยไม่ได้ นอสตราดามุสเขียนเอา ไว้ที่ เซ็นจูรี่เล่ม 6 โคลงบทที่ 97 ว่า


“ ท้องฟ้าจะถูกเผาผลาญ ณ องศาที่ 45

เพลิงจะพุ่งเข้าสู่เมืองใหม่า

ในบัดดล ดวงไฟใหญ่จะแตกกระจายทะลวงพุ่งขึ้นมา”



“ มาบัส (MABUS ) จะตายในไม่ช้า

จะมีการฆ่าหมู่คนและสัตว์อย่างสยดสยอง่ง

ทันใดนั้นการแก้แค้นจะปรากฎขึ้นจากร้อยแผ่นดิน

ความกระหาย อดอยาก จะเกิดชึ้นเมื่อดาวหางโคจรผ่านมา.....”


“ ศาสนาที่มีชื่อเหมือนทะเลจะมีชัย

การต่อต้านนิกายของอะดาลูนกาทิฟผู้บุตร

พวกหัวดื้อ พวกโศกเศร้าตำหนินิกายจะกลัวเกรง

อาลิฟ กับ อาลิฟ ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสอง....”


นั่นคือโคลงที่ว่ากันว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะตีความไปในทางเดียวกัน เพราะ นอสตราดามุสเขียนแบบไม่ค่อยจะติดต่อเป็นเรื่องเป็นราวเท่าใดนัก ที่สำคัญเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องของ เวลาอย่างแน่ชัด แต่กระนั้นหลายคนตีความว่า ยามที่นอสตราดามุสมองเห็นเครื่องบินพุ่งเข้าใส่ตึกเวิล์ด เทรด ไม่แตกต่างไปจากหอกแหลมจากฟากฟ้าจะบินมาพร้อมกับลูกไฟ เพราะ หัวของเครื่องบินที่มีปีก นั้น ดูเผินๆก็ไม่แตกต่างกับหอกขนาดยักษ์เท่าใดนัก เช่นเดียวกับการชนก็เกิดการระเบิดทันทีจนเป็นลูก ไฟไปทั่วฟ้า ที่สำคั ญเขาพูดถึงเมืองที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามว่าเป็น ดินแดนที่ 45 ตรงกับเส้นรุ้งที่ 45 อัน เป็นที่ตั้งของมหานครนิวยอร์กเหมือนกัน แต่สิ่งเหล่านั้นยังไม่น่ากลัวเท่ากับการที่นอสตราดามุสกล่าวต่อว่า จะเกิดสงคราม ผู้คนจะล้มตายเมื่อ มาบัสถูกฆ่าในเวลาไม่นานนับจากนี้ เพราะมีการตีความต่อว่า Mabus นั้น มาจากการย้อนชื่อต้นของ USaMA Bin laden (อุสมา บิน ลาเดน) ซึ่งเป็นคนที่สหรัฐมองว่าเป็นตัวการในการก่อวินาศกรรม ครั้งนี้ ยิ่งถ้ามองตามคำทำนายต่อ หลายคนเชื่อว่า การตายของบินลาเดน จะเป็นจุดสิ้นสุดของยุคสันติภาพ และจะเป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่และยาวนานกว่าทุกครั้ง โดยการแก้แค้นของพวกร้อยแผ่นดิน (United State) ซึ่งก็คือ สหรัฐนั่นเอง ส่วนอาวุธลับที่สหรัฐจะใช้จัดการกับขบวนการก่อการร้ายจนกระทั่งเกิด การตายอย่างมากมายนั้น นอสตราดามุสใช้คำว่า ดาวหางมาเยือน จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า ดาวหางที่นอสตราดามุสเห็นจะเป็นระบบป้องกันภัยจากอวกาศที่สหรัฐภาคภูมิใจ นักหนา เช่นเดียวกับเรื่องของความอดอยาก เพราะ เมื่อสหรัฐทราบว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง มาตรการแซงชั่น ป้องกันไม่ให้นำอาหารเข้าสู่ประเทศนั้นๆจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้มีคพยายามตีความว่า นอสตราดามุส มั่ว ฝันเฟื่อง คำทำนายของเขาดูจะไม่เป็นจริง ส่วน ใหญ่ที่คนเชื่อก็เพราะ เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว แลไปทึกทักตามที่นอสตราดามุสเขียนเอาไว้เองง เชื่อว่า หลายคนก็ยังหวังว่า คำทำนายของโหรบรรลือโลกคนนี้จะผิดอีกครั้งหนึ่ง เพราะ คงไม่มีใคร อยากจะเจอกับสงครามโลกที่กินเวลายาวนานกว่า 50 ปีอย่างแน่นอน เนื่องจากเขกล่าวเอาไว้ในอีก โคลงว่าาร ยุคของสันติจะกลับมาอีกครั้งในปี 2055

ขออย่าให้คำทำนายเป็นจริงเลย!!

8 ก.ย. 2554

ปอบ

ปอบ หรือผีปอบ เป็นผีจำพวกหนึ่ง ที่เล่าต่อๆ กันมาในตำนวนพื้นบ้านของไทย

โดยเชื่อกันว่าเป็นผีที่กินของดิบๆ สดๆ กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม

โดยมีความเชื่อว่า คนที่จะกลายเป็นปอบนั้น มักจะเล่นคาถาอาคม หรือคุณไสย

พอรักษาคาถาอาคมที่มีอยู่กับตัวไม่ได้ ของนั้นเลยแตก ไม่สามารถบังคับตนเองได้จนกลายเป็นปอบ

ปอบไม่มีวันตายจนกว่าจะเจอทายาท

นอกจากนี้ คำว่า "ปอบ" ยังนำไปใช้เรียก คนที่กินจุมากด้วย เช่น กินจุอย่างกับปอบลง

ทำนายนิสัยจากเลขบัตรประจำตัวประชาชน

หวัดดีค่ะพี่ป๋อง ซาตานน้อยผู้น่ารักกกกกกกที่สุดในเดอะช๊อค และหวัดดีพี่ ๆ ทีมงานทุกคนด้วยนะคะ หนูชื่อกวางค่ะ พอดีได้ทีทำนายนิสัยอันนี้มาจากเพื่อนอีกทีหนึ่ง ก็เลยถือโอกาสจดและก็เมลมาให้พี่ ๆ ได้อ่านกันนะคะ หรือว่าพี่ติ๊ก ตองเหลืองจะเอาไปอ่านออกอากาศก็ไม่ว่าอะไรค่ะ กวางเป็นแฟนรายการของพี่ ๆมาตลอด แต่ว่าช่วงนี้วิทยุมันเจ๊งน่ะค่ะ แต่ว่าก็ยังมาเยี่ยมชมเว็บไซด์ของพี่ ๆ บ่อยๆ นะคะ ไม่ต้องน้อยใจนะคะ เดี๋ยวกวางซื้อวิทยุได้เมื่อไหร่ กวางจะเปิดฟังทุกสัปดาห์เลยค่ะ เข้าเรื่องกันดีกว่านะคะ เลขบัตรประจำตัวประชาชนที่จะใช้นั้นให้ใช้แค่ 3 ตัวท้าย แล้วเอามาบวกกันจนเหลือเลขตัวเดียวนะคะ เช่น เลขท้ายเป็น 52 8 ก็เอาเลข 5+2+8=15 แล้วก็เอา 1+5=6 ฉะนั้น เลขที่เราจะเอามาทำนายกันก็คือเลข 6 นั่นเอง แต่ถ้าอยากดูของคู่ชีวิต ก็ให้ใช้เลขตัวสุดท้ายตัวเดียว ซึ่งในที่นี้ก็คือเลข 8 ค่ะ ส่วนคำทำนายก็มีดังนี้นะคะ



เลข 1 แสดงถึงความเด็ดเดี่ยว กล้าแสดงออกและมีความเป็นผู้นำ ด้วยเหตุนี้อาจมีผู้มาขอความช่วยเหลือในทุกด้านเสมอ บางครั้งมากเสียจนคุณไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง แต่หากเกิดไม่พอใจใครแล้ว คุณจะเกิดอาการหยิ่งในศักดิ์ศรีขึ้นมาทันที ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร แต่แปลกนะคะ พอเอ่ยถึงเรื่องของหัวใจกลับมีนิสัยละเอียดอ่อน ทำทุกอย่างได้เพื่อความรัก ในอนาคตหากเป็นนักธุรกิจจะประสบความสำเร็จคนหนึ่งทีเดียว



เลข 2 แสดงถึงความสำเร็จ ได้รับความอบอุ่นจากคนรอบข้างแต่ขาดความเด็ดขาดบางครั้งเป็นคนที่ไม่ขอบอยู่คนเดียว หากจะลงทุนทำธุรกิจถ้าได้ร่วมทำกับคนอื่นจะดีกว่าทำคนเดียว จะมีเสน่ห์กับเพศตรงข้ามเป็นพิเศษ เป็นที่รักใคร่ในหมู่เพื่อนฝูง ใคร ๆ แอบอิจฉาจนออกนอกหน้าก็มีให้เห็น เมื่อย่างเข้าวัยกลางคนจะพบความสุข ได้ครอบครัวฐานะดี มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย



เลข 3 แสดงถึงความทุกข์ใจ จะมีปัญหาผ่านเข้ามาในชีวิตเนือง ๆ ความเข้มแข็งของจิตใจเท่านั้นที่จะช่วยคุณฝ่าฟันมรสุมร้ายให้ผ่านพ้นไปและเอาชนะ ความทุกข์โศกนั้นได้ ที่สำคัญจะต้องถนอมหัวใจและเอาใจใส่คู่ครอง รวมทั้งครอบครัวให้จงหนัก อย่าให้เกิดรอยร้าว ถ้าจะลงทุนทำธุรกิจไม่ควรที่จะร่วมหุ้นหรือไว้ใจบริวารมากนัก หากช่วยเหลือใครแล้วจะหวังผลคืนได้ยาก เพราะเลข 3 เป็นเลขของผู้ให้โดยแท้



เลข 4 เลขแห่งราชันย์ แสดงถึงความสำเร็จ ความยิ่งใหญ่ ความก้าวหน้า ความท้าทาย ในภายหน้าจะมีคนคอยเป็นห่วงเป็นใย เป็นที่รักใคร่ของผู้สูงอายุ แต่จะต้องฝ่าฟันและพบกังความเหน็ดเหนื่อยมากกว่าผู้อื่นสักหน่อย หากอยากจะเจริญก้าวหน้าต้องกล้าทำ กล้าตัดสินใจ เพศตรงข้ามเข้ามาหลงรักได้โดยง่ายดาย ทำสิ่งใดก็จะมีแต่คำสรรเสริญเยินยอ แต่เมื่อมีคำชมก็ย่อมมีคำติฉินนินทา เป็นเรื่องท้าทายที่คุณจะต้องอดทนและเอาชนะให้จงได้



เลข 5 แสดงถึงเลขแห่งเวทย์มนต์และความมีเสน่ห์ มีความหยิ่งทะนงในตัวเอง และด้วยความเป็นคนเช่นนี้ ยามเดือดร้อนมักหาคนช่วยได้ยาก จึงดูเหมือนมีความสุขกาย แต่ลึก ๆ แล้วคุณซ่อนเร้นความทุกข์ไว้ในใจ ทางตรงกันข้าม เสน่ห์ที่มีอยู่ในตัวกลับฉายแสงเจิดจ้า คุณจะเป็นที่ปรึกษาผู้อื่นได้ดี เป็นที่รักใคร่ของมิตรสหาย หากดำเนินธุรกิจด้านเอกสารจะประสบความสำเร็จดี มีชื่อเสียง แต่อย่าลืมเวลาที่จะให้กับเรื่องหัวใจ



เลข 6 แสดงถึงคนที่มีดีอยู่ในต้ว แต่ไม่ค่อยยอมหยิมมาใช้ให้เกิดประโยชน์สักเท่าใด ชอบปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปกับความคิดฝัน อีกด้านหนึ่งคุณเป็นคนมีเสน่ห์ และชอบสร้างจุดเด่นให้ตัวเอง มีคนรักใคร่เอ็นดู ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีจิตสัมผัสเหนือธรรมชาติ หากได้นั่งสมาธิบำเพ็ญศีลจะมีบารมีสูง ด้านการงานเมื่อเกิดปัญหาใด ๆ ก็ตาม มักจะเอาต้วรอดปลอดภัยได้เสมอ บั้นปลายชีวิตจะพบความสุข



เลข 7 แสดงถึงการไม่หยุดนิ่ง ต้องเดินทางเพื่อทำการค้า เป็นไกด์ หรือได้งานที่ต้องอาศัยการเดินทางและการเจรจาอยู่ตลอดเวลา จะทำให้ประสบความสำเร็จ ระวังจะมีปัญหาเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เกิดขึ้นภายในครอบครัว หรือเรื่องรัก 3 เส้าเกิดขึ้นในชีวิตคู่ แต่คุณจะมีลาภผลไม่ขาดสาย แต่อาจต้องออกแรงและเหนื่อยหน่อยในระยะแรก ๆ เพื่อสะสมลาภผลนั้น สุดท้ายจะมีโชคลาภเพิ่มพูนและพบกับความสุข



เลข 8 แสดงถึงคนมีบุญบารมี มากไปด้วยวาสนา มีชื่อเสียงให้คนทั้งหลายได้ประจักษ์ แต่ต้องหมั่นเรียนรู้เร่งศึกษา อย่าหยุดนิ่งอยู่กับที่ ต้องกล้าเปิดเผย กล้าตัดสินใจ และกล้าแสดงออกในทางที่ถูกที่ควร รีบไขว่คว้าโอกาสดี ๆ ที่มาถึง หากไม่หลงใหลมัวเมาในกิเลสมากนัก บั้นปลายชีวิตจะมีฐานะดี เป็นที่พอใจของวงศ์ตระกูล มีชื่อเสียงเป็นที่นับหน้าถือตาของคนทั่วไป



เลข 9 แสดงถึงความเป็นผู้มีอำนาจ ความยิ่งใหญ่ และคุณความดี หากเป็นผู้นำจะเจริญก้าวหน้า หากเป็นนักพูดหรือนักบรรยายจะมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่หน้าที่ที่เหมาะคือ ผู้เผยแพร่ศาสนา จะมีผู้คนยกย่องสรรเสริญ และยังมีจิตสัมผัสเหนือคนทั่วไป หยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า แต่มีข้อเสียหากทำในสิ่งไม่ดี คิดไม่ดี ทำบาป ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน จะได้รับผลกรรมหนักกว่าผู้อื่นหลายเท่า



เป็นยังไงบ้างคะ ตรงบ้างหรือเปล่า อ่านเล่น ๆ นะคะ อย่าซีเรียส อย่าเอาคำทำนายเป็นเครื่องตัดสินนะคะ ไม่ดีหรอกค่ะ เชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง ดีกว่านะคะ ไว้วันไหนกวางเจอข้อมูลแบบนี้อีก กวางจะเมลมาบอกนะคะ (ไม่รู้ว่าพี่เคยเอาไปทายกันแล้วหรือยัง ถ้าทายแล้วก็ขอโทษด้วยนะคะ) ช่วงนี้กวางไม่ค่อยว่างน่ะค่ะ เรียน และก็ทำงานด้วย ไหนจะสอบเอ็นทรานซ์อีก ก็ไม่ค่อยได้ฟังเท่าไหร่ แต่ยังไง สัญญาค่ะว่าจะเป็นแฟนรายการของพวกพี่ ๆ ตลอดไป ไม่ได้ฟังทางวิทยุ ก็ฟังทางเน็ตก็ได้นินา อิอิ ท้ายนี้ก็ขอให้พี่ ๆ ชาวเดอะช๊อคทุกคน มีความสุขมาก ๆ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ อากาศหนาวแล้วนะคะ เดี๋ยวจะไม่สบายไป แค่นี้นะคะ









บทสวดแก้โสด

อธิษฐานหน้าพระพุทธรูป หรือสวดก่อนนอนก็ได้


(นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ)


สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง


สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต

ตำนานผีกระสือ


ผีกระสือเป็นผีผู้หญิง เดิมเป็นหญิงแก่ แต่ภายหลังมักให้เป็นหญิงสาวสวย ผีกระเสือชอบกินของสดคาว และตามธรรมชาติของผีก็ต้องออกหากินตอนกลางดึก เวลาไปจะมีแต่หัวซึ่งเป็นผู้หญิงผมยาว มีตับไตไส้พุงห้อยรุงรังติดไปด้วย ลำตัวทิ้งไว้ที่บ้าน ผู้คนจะเห็นผีกระสือเป็นดวงไฟดวงโต มีแสงเขียวเรืองๆลอยแวมๆไป อาหารที่ผีกระสือชอบมากที่สุด คือ ทารกที่เกิดใหม่และหญิงที่คลอดลูกใหม่ๆ เนื่องจากเลือดและน้ำคร่ำที่ออกมากับทารกมีกลิ่นคาว ผีกระสือจะเข้ามาสิงและกินหญิงที่คลอดลูกใหม่ๆ และทารกแรกเกิดนั้น ในสมัยก่อนเมื่อหญิงใดจะคลอดลูกจึงต้องเอาหนามมาสระไว้ที่ใต้ถุนบ้าน และที่รอบๆบ้าน ผีกระสือกลัวหนามเกี่ยวไส้พุงจึงไม่กล้าเข้ามากินหญิงนั้น นอกจากนี้อาหารโปรดกรองลงไปของผีกระสือก็คือ อุจจาระซึ่งมีคนขับถ่ายทิ้งไว้ตามทุ่ง เมื่อกินอุจจาระแล้วก็จะมาเช็ดปากตามผ้าที่คนตากทิ้งไว้ ผ้าจึงเปื้อนเป็นดวงๆ ถ้าเอาผ้านั้นไปต้ม ผีกระสือจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ปากจนทนไม่ได้ และจะมาขอผ้านั้น ซึ่งทำให้รู้ว่าใครเป็นผีกระสือ การกลัวผีกระสือมาเช็ดปากทำให้ต้องเก็บผ้าไม่ตากทิ้งไว้ข้ามคืน นับเป็นอุบายสอนให้คนรู้จักระวังข้าวของ เวลาจะตายผีกระสือจะถ่ายความเป็นผีกระสือให้ลูกหลานผู้หญิงด้วยการคายน้ำลายเข้าปากลูกหลานคนนั้น ปัจจุบันเราไม่ใคร่พบผีกระสือนอกจากในภาพยนตร์ คงเป็นเพราะผีตัวสุดท้ายไม่มีลูกหลานผู้หญิงจะเป็นทายาทสืบต่อความเป็นผีกระสือ สิ่งที่ได้ชื่อว่าผีกระสือจึงคงมีแต่ในคำเปรียบ เช่น เปรียบผู้หญิงที่ผอมมากๆว่า ผอมอย่างกับกระสือดูด หรือเรียกกล้วยที่ลีบไม่มีเนื้อ ว่า กล้วยกระสือดูด

7 ก.ย. 2554

ตำนานกุมารทอง1

ตำนานกุมารทอง2

ตำนานกุมารทอง

กุมารทองเป็นผีเด็กที่ตายในท้องพร้อมกับแม่ ผู้ที่มีคาถาอาคมจะใช้คาถาอาคมแหวะเด็กออกจากท้องของศพผู้เป็นแม่ แล้วนำไปประกอบพิธีย่างในโบสถ์ หน้าพระประธานในเวลากลางดึกพร้อมกับบริกรรมคาถาไปขณะย่างนั้น เมื่อย่างจนแห้งดีจะนำมาปิดทองให้ทั่วทั้งตัว จึงเรียกว่า กุมารทอง แล้วนำมาเก็บรักษาไว้ในที่อันควร ให้อาหารกุมารทองกินทุกวันอย่างคนปกติ ตามที่เล่ากันมานั้น วิญญาณกุมารทองจะสามารถปรากฏกายให้ผู้ที่สร้างกุมารทองเห็น และสามารถทำตามคำสั่งของผู้ที่สร้างกุมารทองได้ทุกอย่าง ความสามารถนั้นไม่ใช่ความสามารถของเด็กที่ยังไม่เกิด แต่จะสามารถทำได้เหมือนเด็กที่โตแล้ว ผู้มีคาถาอาคมจึงพยายามหากุมารทองไว้ใช้

6 ก.ย. 2554

การป้องกันผีหลอกในโรงแรม

การป้องกันผีหลอกในโรงแรม

นี่คือความเชื่อบางข้อของบรรดาเจ้าของธุรกิจโรงแรม



โรงแรมทุกๆ แห่งนั้น ย่อมจะมีอย่างน้อยหนึ่งห้องที่ซึ่งถูกปล่อยให้ว่างไว้ตลอดเวลา ไม่ว่าโรงแรมห้อง เต็มขนาดไหน พวกเขาจะไม่ขายห้องนั้นให้กับแขกคนใดทั้งสิ้น ว่ากันว่าห้องพิเศษห้องนั้นได้ "สงวนไว้" สำหรับ "แขกพิเศษเหล่านั้น" ฉะนั้น เมื่อคุณมีแผนที่จะเข้าพักในโรงแรมแห่งใดแห่งหนึ่ง ควรจองล่วง หน้าไว้ก่อนเสมอ



พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าพักแบบวอล์คอิน (Walk in) ถ้าพนักงานต้อนรับได้บอกคุณไปแล้วว่าไม่เหลือ ห้องว่างอีกต่อไปแล้ว จงอย่าได้ดื้อดึงอยู่ต่อหรือพยายามติดสินบนพวกเขาเพื่อที่จะให้พวกเขาให้ห้องพักแ ก่คุณ ถ้าหากคุณทำอย่างนั้น เกือบทุกครั้งที่ห้องที่คุณได้ไปจะเป็น "ห้องพิเศษ"ที่ว่านั่น และอีกเช่นกันที่ บางครั้ง "แขกพิเศษ" เหล่านั้น อาจจะโผล่ไปที่ห้องอื่นๆ ด้วย ดังนั้นนี่คือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยว่าคุณจะป้องกันตัวคุณเองได้อย่างไร



- ก่อนที่จะเข้ายังห้องพักของคุณ จงเคาะประตูก่อนทุกครั้ง แม้คุณจะรู้ว่านี่เป็นห้องว่างก็ตาม



- หลังจากที่เข้าไปอยู่ในห้องแล้ว หากคุณรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาในทันทีทันใด และมีอาการ "ขนลุก" จง ออกจากห้องไปเงียบๆ และโดยทันที แล้วไปหาพนักงานต้อนรับเพื่อขอเปลี่ยนห้องใหม่ โดยส่วนใหญ่แล้ว พนักงานต้อนรับจะเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น



- หลังจากอยู่ภายในห้องแล้ว จงเปิดไฟให้ครบทุกดวงในทันที พร้อมกับเปิดผ้าม่านเพื่อ ปล่อยให้แสงแดดส่องเข้ามา



- ก่อนเข้านอน จัดวางรองเท้าของคุณให้อยู่ในลักษณะกลับหัวกลับหางกัน บางคนบอกเอาไว้ว่านี่เป็น การแสดงถึงหลัก "หยิน-หยาง"เพื่อคุ้มครองคุณขณะที่คุณหลับ



- จงเปิดโคมไฟทิ้งไว้อย่างน้อยดวงหนึ่งขณะที่คุณหลับ ยิ่งเป็นไฟในห้องน้ำยิ่งดี



- หากคุณพักคนเดียว และห้องคุณเป็นเตียงคู่ อย่าเข้านอนโดยปล่อยให้อีกเตียงหนึ่งว่างเปล่า พยายามนำสิ่งของไปวางไว้เช่น กระเป๋าเดินทาง ที่เตียงว่างอีกเตียงหนึ่งก่อนที่คุณจะหลับ

5 ก.ย. 2554

10 สุดยอดคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ



อันดับที่ 10 คดีฆ่าหั่นจู๋ พนักงาน รฟม. คดีเขย่าขวัญคนกรุงรับปี 2550 เมื่อมีคนพบศพนายพิชัย ทองใบ พนักงานช่างเทคนิคของ รฟม. ในสภาพถูกฟันที่ท้ายทอย คอถูกปาดลึกเกือบขาด รวมทั้งอวัยวะเพศของผู้ตายถูกคนร้ายใช้มีดตัดเกือบขาดเช่นกัน อีกทั้งยังใช้เลือดเขียนเป็นรูปหัวใจไว้ที่กลางหน้าอกของผู้ตาย สร้างความสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง จนในที่สุดนายกฤษฎาพร บรรพชาติ หรือนายเก่งรฟม.ผู้ที่ลงมือฆ่าก็ขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่เนื่องจากทนแรงกดดันไม่ไหว โดยนายเก่งสารภาพถึงมูลเหตุจูงใจมาจากเรื่องชู้สาว


อันดับที่ 9 คดีฆาตกรต่อเนื่อง คดีที่ 2 ของประเทศไทย หลังจากคดีซีอุยเมื่อ 40 กว่าปีก่อน โดยนายสมคิด พุ่มพวง ก่อเหตุฆ่าหมอนวดถึง 5 ศพ ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน โดยคดีต่างๆ นายสมคิดจะทำการติดต่อเหยื่อมาร่วมหลับนอนด้วย เมื่อมีการร่วมประเวณีแล้วก็จะฆ่าเหยื่อถึงแก่ความตาย


อันดับที่ 8 คดีแม่ฆ่าลูกบูชาพระอินทร์ ด.ญ.ประภัสสร เจียมเจริญ อายุ 12 ปี ถูกคนในครอบครัวคือนางกาญจนา เจียมเจริญ ผู้เป็นแม่ ซึ่งอ้างว่าเป็นร่างทรงพระอินทร์ นางอนงค์ เจียมเจริญ มีศักดิ์เป็นป้า อ้างเป็นร่างทรงพระอาทิตย์ นางจรินทร์ เจียมเจริญ น้าสาว และนางบัว เจียมเจริญ ผู้เป็นยายร่วมกันฆ่า โดยใช้มีดปาดคอตายอย่างสยดสยองภายในบ้าน โดยนางกาญจนาอ้างว่าสาเหตุที่ฆ่าลูกสาวเพื่อต้องการปลดปล่อยวิญญาณไปให้พระอินทร์ จากนั้นตำรวจได้ส่งตัวทั้งหมดไปที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เนื่องจากพบว่าทั้งหมดมีอาการทางประสาท


อันดับที่ 7 คดีห้างทอง ธรรมวัฒนะ ปริศนาการตายของ ห้างทอง ธรรมวัฒนะ อดีต ส.ส.พรรคประชาไทย ยังคงคาใจทุกฝ่ายอยู่ในขณะนี้ว่าเป็นการฆาตกรรมหรือฆ่าตัวตาย หลังจากมีผู้พบศพนายห้างทองเสียชีวิตอยู่ในคฤหาสน์หรู สภาพนั่งอยู่บนเก้าอี้ คอแหงนไปด้านหลังมีบาดแผลลูกกระสุนเจาะทะลวงที่ศรีษระ 1 นัด โดยเสียชีวิตภายในห้องนอนของนายนพดล ธรรมวัฒนะ ผู้ที่เป็นน้องชายนั่นเอง มีการผ่าพิสูจน์ศพหาสาเหตุการตายอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งปัจจุบัน ก็ยังไม่สามารถสรุปผลที่แท้จริงได้ จนกว่าจะมีคำสั่งของศาลเป็นที่สิ้นสุด


อันดับที่ 6 คดีหมอผัสพร แพทย์หญิงโรงพยาบาลรถไฟที่หายตัวไปนานร่วมเดือน นำไปสู่การสืบสวนสอบสวน น.พ.วิสุทธ์ บุญเกษมสันติ ผู้เป็นสามีซึ่งให้การปฎิเสธมาโดยตลอด จนเมื่อทีมสืบสวนเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นอาคารวิทยนิเวศน์พบคราบเลือดและเส้นผมและหลักฐานสำคัญ ที่เป็นชิ้นส่วนของมนุษย์ในบ่อพักน้ำเสียของอาคาร ซึ่งตรงกับ DNA ของหมอผัสพร สอดคล้องกับพยานที่เ

ห็น น.พ.วิสุทธิ์ อยู่กับหมอผัสพรเป็นคนสุดท้าย รวมถึงเรื่องการฟ้องหย่าที่มีปัญหาขัดแย้งกันมานานจนำไปสู่มูลเหตุจูงใจฆ่า



อันดับที่ 5 คดีเสริม สาครราษฎ์ นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2 ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ น.ส.เจนจิรา พลอยองุ่นศรีแฟนสาว โดยนายเสริมให้การว่าใช้ปืนสังหารที่ขมับ น.ส.เจนจิรา เนื่องจากตกลงกันไม่ได้เรื่องมีชายอื่นมาพัวพันหลังจากนั้นได้ใช้มีดผ่าตัดเฉือนศพเป็นชิ้นๆ ทิ้งลงชักโครก จนมีผู้พบชิ้นเนื้อมนุษย์จนนำไปสู่การพิสูจน์ DNA ก็พบว่าตรงกับเจนจิรา

อันดับที่ 4 คดีศยามล อีกหนึ่งคดีที่สร้างความสลดหดหู่ยิ่งนัก เมื่อมีผู้พบศพพยาบาลสาวถูกฆ่าโดยอำพรางศพว่าเป็นการขมขื่นและทิ้งศพไว้ในรถโดยมีลูกสาววัย 2 ขวบ ร้องไห้กอดศพผู้เป็นแม่อยู่ทั้งคืน ซึ่งผู้ที่บงการสั่งฆ่าก็ไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือสามีหมอของเธอนั่นเอง

อันดับที่ 3 คดีเชอร์รี่แอน ดันแคน เด็กสาววัยรุ่นลูกครึ่งเชื้อชาติ ไทย-อเมริกัน ถูกพบเป็นศพหลังจากมีผู้พบเห็นว่าถูกล่อลวงขึ้นรถแท็กซี่ไปจากหน้าโรงเรียน ฆาตกรใช้สายรัดคอจนขาดอากาศหายใจและนำศพไปทิ้งไว้บริเวณป่าแสมบางสำราญ และนำไปสู่การจับผู้ต้องหาถึง 5 คน ซึ่งในเวลา 6 ปีต่อมา ศาลจึงมีคำสั่งว่าพวกเค้าทั้ง 6 คนไม่มีความผิด จนเป็นคดีที่กล่าวขานในเรื่องของการจับแพะมากที่สุดคดีหนึ่ง


อันดับที่ 2 คดีซีอุย ซีอุย แซ่ตั้ง เป็นชื่อของฆาตกรที่ฆ่าเด็กและนำตับมาต้มกินโดยมีเด็กอย่างน้อย 6 คนที่ถูกนายซีอุยสังหาร ซีอุยเป็นชาวจีนโพ้นทะเลเข้ามาในเมืองไทยและขึ้นฝั่งที่ประจวบคีรีขันธ์ ชอบจับเด็กมาผ่าและควักเอาเครื่องในมากินโดยมีความเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ โดยได้ทำการฆ่าเด็ก 3 รายแรกที่ประจวบคีรีขันธ์ และรายสุดท้ายจับได้หลังจากคดีฆาตกรรมที่จังหวัดระยอง ซี่งสุดท้ายโดนจับขังคุกและยิงเป้าประหารชีวิต


อันดับที่ 1 คดีนวลฉวี ย้อนหลังไปเมื่อ 40 กว่าปีก่อน เกิดคดีเขย่าขวัญคนกรุง เมื่อมีผู้พบศพพยาบาลสาวถูกฆ่าข่มขืนอย่างทารุณแล้วโยนศพทิ้งน้ำ บริเวณสะพานนนทบุรีซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักในชื่อ สะพานนวลฉวี ซึ่งผู้ที่บงการสั่งฆ่านั่นก็คือหมออุทิศผู้ที่เป็นสามีของเธอนั่นเอง สาเหตุมาจากความหวั่นวิตกของหมอว่าเธอจะเข้าไปทำลายครอบครัวของเขา เขาก็เลยสั่งให้ฆ่าทั้งๆ ที่ยังรักเธออยู่ และแม้ว่าต่อมาหมออุทิศจะสำนึกขึ้นได้และจะยกเลิกคำสั่งนั้น แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว

บทความ10อันดับสถานที่สยองในประเทศไทย


          

                  เนื้อความ พูดถึงเรื่องวิญญาณย่อมมีทั้งคนที่เชื่อว่า "มีจริง" และ "ไม่เชื่อว่ามีจริง" นอกจากคนสองกลุ่มนี้ยังมีอีกสองกลุ่มคือ "เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง" และ"ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีทัศนะ ต่อผีต่อวิญญาณในกลุ่มไหนก็ตาม หากขอให้ไปเดินเล่นคนเดียวในป่าช้าตอนเที่ยงคืน เชื่อได้เลยว่าไม่มีใครเล่นด้วยเด็ดขาด. บุคคลทั่วไปเชื่อว่า สถานที่ซึ่งควรจะเป็นที่ชุมนุมผีชมรมวิญญาณ คือป่าช้าทั้งหลายนั่นเอง

ดังนั้นป่าช้าจึงได้รับการยกย่อง ให้เป็นที่สยองขวัญระดับสุดยอด และดูเหมือนไม่เคยตกอันดับทุกยุคทุกสมัย



สถานที่สยองขวัญนอกจากป่าช้าแล้ว ก็ยังมีที่อื่นอีกกระจายไปทั่วทุกๆจังหวัด สำหรับสถานที่ใดได้รับการย่อง ให้เป็นอาณาบริเวณสยองขวัญชวนขนหัวลุก จะต้องมีมาตรฐานประการสำคัญนั่นคือ จะต้องมีผี หรือ วิญญาณปรากฏซ้ำซาก มีประวัติน่าหวาดเสียวระทึกใจ และต้องมีพยานรู้เห็นหลายครั้งหลายหนเป็นที่น่าเชื่อถือได้ และ 10 อันดับนั้นก็คือ



ในซอยรามคำแหง 32

ลึกเข้าไปในซอยรามคำแหง 32 ท่านจะพบบ้านทรงสเปนหลังหนึ่งรูปทรงสวยสง่าน่าอยู่ แต่บ้านนี้ไม่มีใครอยู่อาศัยนานกว่า 20 ปีแล้ว ปล่อยให้ทิ้งร้างเก่าทรุดโทรมอย่างน่าใจหาย ประวัติของบ้านมีว่าเจ้าของบ้านเป็นชาวต่างชาติ วันหนึ่งเจ้าของบ้านขับรถออกไปทำงานตามปกติ ที่บ้านมีสาวใช้อยู่เพียงคนเดียว คนร้ายไม่ทราบจำนวน ซึ่งคงมาแอบสังเกตการณ์นานพอสมควรได้ฉวยโอกาสเข้าปล้น และฆ่าสาวใช้ตายคาที่ นับตั้งแต่นั้นมักจะได้ยินเสียงผู้หญิง

ร้องให้ช่วยดังโหยหวนน่าสยดสยอง และยังเห็นผู้หญิง (เข้าใจว่าเป็นสาวใช้ที่ถูกฆ่าตาย ) เดินวนเวียนวูบวาบอยู่ในบ้าน เจ้าของบ้านทนอยู่ไม่ไหวต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น เล่ากันว่าหลังจากนั้น มีคนได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วย ดังมาจากบ้านร้างบ่อยๆ และมีคนเห็นผู้หญิงลึกลับยืนอยู่หน้าบ้านเป็นประจำเมื่อเข้าไปใกล้ก็หายไป.



วัดมหาบุศย์ พระโขนง

ที่วัดมหาบุศย์ ยังมีศาลย่านาคตั้งอยู่ สืบเนื่องมาจากตำนานรักของแม่นาคพระโขนง ที่รู้กันแพร่หลายเล่ากันว่า เมื่อผีแม่นาคอาลวาดหลอกหลอน จนชาวบ้านหาปกติสุขมิได้ เจ้าประคุณสมเด็จโต ( วัดระฆัง )

ได้มานำวิญญาณแม่นาคไป พร้อมกับกระดูกกระโหลกหน้าผาก แล้วอบรมสั่งสอนให้รักษาศีล ปฏิบัติธรรม นัยว่าแม่นาคเลื่อนภพเป็นเทพแล้ว หากยังมีผีวนเวียนที่วัดมหาบุศย์ คงมิใช่วิญญาณแม่นาคอย่างแน่นอน.



ในซอยสายหยุด อู่รถเมลล์เก่า

ที่นี่เป็นสุสานรถเมลล์หรือรถโดยสารประจำทางที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนใช้การไม่ได้ ซากรถเมลล์แต่ละคันมีประวัติคนตายโหงคารถ ในสภาพสยดสยองมาแล้ว และเป็นที่เล่าลือกันว่า อยู่ดีๆไฟในรถกลับเปิดสว่างขึ้นมาเอง หรือมีคนมายืนโบกรถหน้าอู่ แท๊กซี่จะเข้าไปจอดรับก็หายไปบางครั้งมีคนวิ่งตัดหน้า และหายไปดื้อๆ.



ในซอยรอดอนันต์ 1 ถ.สุขาภิบาล1

เป็นบ้านร้างทรงไทยอยู่ริมบึง ห่างไกลจากบ้านอื่นๆ ในระแวกนั้นบริเวณบ้านรกครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยคุณยายเจ้าของบ้าน เสียชีวิตที่บ้านหลังนี้ และน่าเชื่อว่า วิญญาณของคุณยายไม่ยอมไปผุดไปเกิด แต่ยังคงวนเวียนอยู่ในบ้าน จนกระทั่งลูกหลานไม่กล้าอยู่ ต่างแยกย้ายไปอยู่ที่อื่นหมด ปล่อยบ้านทิ้งร้างชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และที่บ้านหลังนี้เล่าลือกันว่าผีดุนัก คนอยู่ระแวกใกล้เคียงเคยเห็นผีคุณยายมายืนชี้นิ้วอยู่ที่หน้าบ้านเมื่อมีเด็กๆ วิ่งเล่นอยู่ในบริเวณหน้าบ้าน เคยมีคนใจกล้าเข้าไปในบ้าน ได้ยินเสียงผู้หญิงแก่ๆขู่ตะคอ
ก จนต้องเผ่นออกมาแทบไม่ทัน.



รังสิต คลอง 13

จากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร มีบ้านพักถูกไฟไหม้เกือบหมดทั้งหลัง แต่ยังเหลือซากบ้านอยู่ส่วนหนึ่ง ข้อมูลบางกระแสเล่าว่า มีผู้หญิงตายในไฟ บ้านหลังนี้อยู่ในสวนมะขามหวาน แต่ถูกทิ้งให้รกร้าง คนในระแวกใกล้เคียงต่างยืนยันกันว่าตอนกลางคืน จะได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องโหยหวน มาจากซากบ้านบ่อยๆ พร้อมกันนั้นเคยมีคนเห็นผีผู้หญิงใ นบริเวณซากบ้านด้วย.



ในซอยมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ถ.พัฒนาการ

เป็นโรงงานร้าง เมื่อก่อนนี้เป็นโรงงานทำปากกา และเป็นโรงกลึงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 80 ไร่ เหตุที่กลายเป็นโรงงานร้าง ชำรุดทรุดโทรม มีวัชพืชขึ้นปกคลุมรกครึ้มเช่นทุกวันนี้ ว่ากันว่าเจ้าที่เจ้าทางแรง ระหว่างที่ดำเนินงานอยู่ มีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหลายคน ผู้ลงทุนขาดทุนย่อยยับจนต้องเลิกกิจการ หากเดินเข้าไปในอาณาเขตโรงงานร้าง จะสัมผัสบรรยากาศยะเยือกผิดปกติ และเล่าลือกันว่าหากไปเคาะแท้งก์น้ำซึ่งตั้งอยู่ 3 ใบ 3 ครั้ง จะปรากฏเจ้าที่เจ้าทางออกมาให้เห็นทันที.



วัดปราสาท จ.นนทบุรี

เป็นวัดเก่าแก่โบราณ สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลาง เคยขุดพบกำแพงเมืองรอบอุโบสถอายุ 300 ปี ด้านหลังอุโบสถ มีคุ้มเก่าแก่ชำรุดทรุดโทรมว่ากันว่าเจ้าของสถานที่คือ พระนางอุษาวดีเทวี

ชาวบ้านระแวกนั้นเรียกว่า "แม่" และ" เจ้าแม่ " เวลากลางคืน หากไปที่บริเวณคุ้มจะมีบรรยากาศวังเวงน่ากลัวมาก ผู้ใดไปแสดงกิริยาวาจาจ้วงจาบหยาบคาย ไม่เคารพผู้เป็นเจ้าของสถานที่ มักจะพบกับเหตุการณ์แปลกๆน่าขนหัวลุก.



โรงงานร้างอยู่ในอุตสาหกรรมบางปู (ฝั่งเดียวกับเมืองโบราณ)

สถานที่อยู่สุดซอย 2 เมื่อก่อนนี้เป็นโรงงานทำรองเท้า ขณะที่กิจการกำลังดำเนินงานไปด้วยดี

ได้เกิดอุบัติเหตุร้างแรง คือเครื่องปั้มลมเกิดระเบิดคนงานหลายคนเสียชีวิตสยอง นับตั้งแต่นั้นคนงานที่ทำงานอยู่ ถูกผีหลอกวิญญาณหลอน จนต้องทะยอยลาออกไปเรื่อยๆจนหมด กิจการประสบความวินาศ เจ้าของโรงงาน ยิงตัวตายในห้องทำงานชั้นบนของโรงงาน และกลายเป็นสถานที่รกร้างเรื่อยมา เล่าลือกันว่าผีดุมาก ปัจจุบันนี้ยังมีเศษรองเท้ากระจายเกลื่อนและปั้มลมมรณะก็ยังอยู่.



ในซอยวัชรพล

เป็นบ้านทรงยุโรปหลังใหญ่ ซึ่งยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ถูกทิ้งร้างค้างคาอยู่ในสภาพเดิม เวลากลางคืนดูน่ากลัวชวนขนลุกยิ่ง และว่ากันว่ามีคนพบเห็นวิญญาณของชายหญิงและเด็ก ปรากฏวูบวาบบ่อยๆ สาเหตุที่บ้านหรูหลังใหญ่ กลายเป็นบ้านร้าง เนื่องจากเจ้าของบ้านหลังนี้ พาครอบครัวขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัด และประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตหมดทุกคน.



ในซอยวัชรพลเช่นกัน

เป็นหมู่บ้านร้างตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ชื่อหมู่บ้านปิยพร คนเก่าคนแก่ในพื้นที่เล่าว่า ที่ดินส่วนนี้เคยเป็นป่าช้ามาก่อน เจ้าของโครงการ ไม่ได้ทำพิธีบอกกล่าวขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทาง ดังนั้นพอเริ่มงานก่อสร้าง จึงพบกับอุปสรรคนานาประการ ต่อมามีคนงานเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุหลายคน ในเขตหมู่บ้านมีบึงใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง ก็มีเด็กตกไปตาย 2-3 คน

ประกอบกับบ้านในโครงการ ไม่มีผู้สนใจอย่างที่ประเมินเอาไว้ จึงต้องยุติโครงการ กลายเป็นหมู่บ้านร้างกลางกรุง พร้อมกันนั้นก็มีเสียงเล่าลือว่า ผู้ที่เข้าไปในเขตหมู่บ้านยามวิกาล มักจะพบวิญญาณแสดงตัวหลอกหลอน เล่นเอาขวัญหนีดีฝ่อ ไม่บังอาจกล้ำกลายเข้าไปอีก.

แฉความลับ "มักกะลีผล"

               

            มักกะลีผลผลไม้ในศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อว่า เป็นต้นไม้ในป่าหิมพานต์ มักกะลีผลออกลูก
เป็นหญิงสาวสวยที่ศีรษะมักกะลีผลจะมีขั้วติดอยู่กับกิ่งของต้น มีคำกล่าวถึงมักกะลีผลว่า “งามนักดังสาวอันพึ่งใหญ่ได้ ๑๖ ปี และฝูงผู้ชายได้เห็นก็มีใจรักนัก” มักกะลีผลที่ยังอ่อนมีลักษณะเหมือนคนนั่งคู้เข่าอยู่ เมื่อโตขึ้นขาจะเหยียดออกก่อน เมื่อโตเต็มที่จึงเหยียดตัวเหมือนคนยืนตัวตรง พิทยาธร กินนร คนธรรพ์ และพวกนักสิทธิ์ผู้สำเร็จปรอท ซึ่งอยู่ในดินแดนแถบนั้นจะมาออกันอยู่ใต้ต้นมักกะลีผล พอลูกมักกะลีผลสุกก็จะแย่งชิงกันเด็ดไปเป็นภรรยา ต้องยื้อแย่งกัน ทำร้ายกันถึงตาย ผู้ที่เหาะได้ก็เหาะขึ้นไปเก็บ ผู้ที่เหาะไม่ได้ก็ใช้ไม้สอยหรือปีนขึ้นไปเก็บ เมื่อมาแล้วก็จะนำไปที่อยู่ของตน ทะนุถนอมระแวดระวังอย่างดีมิให้ใครแย่งเอาไป แต่มักกะลีผลมีชีวิตอยู่ได้เพียง ๗ วัน ก็จะเน่าเปื่อยไป
แต่ก็มีผู้พิสูจน์ว่ามักกะลีผลเป็นเพียงแค่หัวมันแกะสลักที่เป็นสินค้าขายดีในชายแดนลาว
“มักกะลีผล” ผลไม้ตามวรรณคดีมีถิ่นกำเนิดในป่าหิมพานต์มาเป็นมวลสารศักดิ์สิทธิ์จัดสร้างจตุคามรา
มเทพ ซึ่งมักกะลีผลที่ปรากฏเป็นข่าวมีทั้งผลไม้ที่เป็นรูปร่างผู้หญิงและผู้ชายนั้น เป็นการหลอกลวงต้มตุ๋น มักกะลีผลที่เห็นเป็นข่าวในสื่อโทรทัศน์นั้น แท้จริงแล้วมีวางขายกันเกร่อในตลาดขายสินค้าพื้นเมืองด่านวังเตาของประเทศลาว ฝั่งตรงข้ามกับช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี
หลังจากผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งได้เดินทางไปพิสูจน์ พบว่าบรรยากาศที่ช่องเม็กกับด่านวังเตาของลาว เงียบเหงา มีเพียงลูกค้าส่วนที่เป็นพระสงฆ์จากฝั่งไทยเข้าไปติดต่อหาซื้อสินค้าพื้นเมืองบาง
อย่าง โดยเฉพาะแผงขายพืชสมุนไพรพบผลไม้รูปร่างคล้ายมักกะลีผลเป็นรูปร่างผู้ชาย 1 ตัวและผู้หญิงอีก 2 ตัววางอยู่บนแผง ติดป้ายเสนอขายราคาตัวละ 300 บาท ถ้าซื้อเป็นคู่คิดราคา 500 บาท ตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าลักษณะผิวมีสีน้ำตาลคล้ำ ผิวหนังส่วนใหญ่เหี่ยวย่น เนื้ออ่อนนุ่มไม่แข็งกระด้าง น้ำหนักเบา ส่วนบนของหัวมีขั้วติดอยู่ แต่ส่วนล่างมีรอยคล้ายถูกไม้เสียบ จากการสอบผู้ที่ ขายมักกะลีผลเปิดเผยว่ามักกะลีผลที่เห็นวางขายกันอยู่ในขณะนี้ จริงๆแล้วไม่ใช่มักกะลีผลใน
ตำนานวรรณคดี แต่เป็นหัวมันชนิดหนึ่งชื่อ “กลิ้งกลางดง” นำมาแกะสลักเป็นรูปผู้หญิงและผู้ชายเปลือยกายเลียนแบบคำบอกเล่าในตำนานวรรณคดี ปรากฏว่าได้รับความนิยมจากลูกค้าคนไทยเป็นอย่างมาก เรียกว่าทำขายกันแทบไม่ทัน ส่วนจุดประสงค์ส่วนใหญ่บอกว่าเป็นของแปลก นิยมซื้อกันไปคนละคู่สองคู่ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีพระสงฆ์มากว้าน เหมาซื้อไปหลายสิบตัวโดยไม่ทราบว่านำไปทำอะไร จนกระทั่งมารู้เป็นข่าวอีกครั้งว่าจะนำไปผสมเป็นมวลสารปลุกเสกจตุคามรามเทพดังกล่าวโดยเรื่องราวเกี่ยวกับมักกะลีผลยังถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนต์เรื่อง นารีผล โดยมีเนื้อเรื่องย่อว่า : นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้ค้นพบว่าผลไม้นารีผลสามารถรักษาโรคได้ จึงเดินทางเข้าป่าเพื่อไปหาผลไม้ดังกล่าว แต่ระหว่างทางพวกเขาต้องพบกับอุปสรรคมากมาย จนได้เข้าไปในเขตทะเลหมอกซึ่งเป็นเขตอาถรรพ์ของป่านารีผล ปีศาจซึ่งสิงอยู่ในลูกนารีผลได้กลายร่างเป็นหญิงสาวสวยออกมาเพื่อหลอกล่อให้แต่ละคนเ
ข้าไปหาและฆ่าตายทีละคน

สะเดาะเคราะห์ หนีความตาย


          มีคำกล่าวที่ว่า "ดีชั่วอยู่ที่ตัวเรา" ดังนั้น จึงไม่ควรเชื่อถือเรื่องโชค หรือเคราะห์ให้มากนัก แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เมื่อเกิดเหตุการณ์อันเป็นความเชื่อมานานนมว่า เหตุการณ์บางอย่างอาจนำมาซึ่งเคราะห์ร้าย คนทั่วไปก็อดไม่ได้ที่จะหาทางป้องกันไว้ก่อน ด้วยการสะเดาะเคราะห์ ซึ่งมีต่างๆ นานา หลายแบบ ตามวัฒนธรรมของหลากหลายประเทศ

หนึ่งในความเชื่อที่แพร่หลายมากในหมู่ชาวตะวันตกคือ ถ้าทำกระจกแตกจะต้องโชคร้ายไปอีก 7 ปี ฝรั่งถึงได้กลัวการทำกระจกแตกกันมาก หากเผลอทำกระจกแตกเมื่อไหร่ ต้องทำตามเคล็ดที่ว่า ตอนนำกระจกออกจากบ้านไปฝังนั้น ต้องเดินหน้าตั้งออกไป อย่าก้มลงมองกระจก และที่สำคัญคือ ต้องฝังในตอนกลางคืนที่มีพระจันทร์ขึ้นด้วย โชคร้ายถึงจะหายไปได้

นอกจากกระจก พวกฝรั่งยังมีความเชื่อเกี่ยวกับเกลือค่อนข้างมาก ว่ากันว่า หากทำเกลือหก ความโชคร้ายก็จะมาเยือน หรือไม่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง แต่ทุกอย่างย่อมมีทางออก ถ้าเกิดมือสั่นทำเกลือหกเข้าเมื่อไหร่ ให้หยิบเกลือมาโยนข้ามบ่าซ้ายออกไป ก็สามารถสะเดาะเคราะห์ให้หายไปกับเกลือที่ถูกโยนออกจากตัวไปได้ เพราะเชื่อกันว่า จะเป็นการโยนเกลือใส่หน้ามารร้ายที่มารอดักอยู่ด้านซ้ายของร่างกายนั่นเอง หรือถ้าไม่อยากขว้างเกลือให้เรี่ยราด ก็ให้นำเกลือนั้นไปใส่เตาไฟ เพื่อเป็นการเผาไหม้เคราะห์หามยามร้าย

ที่เด็ดกว่านั้น ระหว่างเอาเกลือไปเผา ยังสามารถอธิษฐานขอให้โชคร้ายของเราไปตกอยู่กับศัตรูแทนได้ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ความเชื่อแบบนี้ก็คล้ายกับความเชื่อของบ้านเราอยู่เหมือนกัน ที่มีการเผาพริกกับเกลือสาปแช่งคนที่ไม่ชอบขี้หน้า

พูดถึงการชำระล้างร่างกายแล้ว ที่ประเทศเปอร์โตริโกมีพิธีกรรมสำคัญ เรียกว่า เทศกาล ลา นอช เดอ ซาน ฮวน (La Noche de San Juan) ในวันที่ 24 มิถุนายนของทุกปี ซึ่งเป็นเทศกาลวันที่ระลึกถึงนักบุญจอห์น เดอะ แบ๊ปติสต์ (St.John the Baptist Day) นักบุญอุปถัมภ์ของประเทศ ซึ่งในวันนี้ชาวเปอร์โตริโกเชื่อว่า น้ำในตอนเที่ยงคืนของวันที่ 23 มิถุนายนนั้น มีพลังพิเศษ สามารถรักษาโรค...นำมาซึ่งความสวยงาม...ปรับโชคลาภให้ดีขึ้น... หรือขจัดความชั่วร้ายออกไป ดังนั้น จะมีผู้คนแห่กันไปที่แม่น้ำ ทะเล หรือสระว่ายน้ำเพื่อล้างตัว

แต่คนที่ยึดมั่นพิธีกรรมมากๆ ไม่เพียงแต่ชำระล้างเนื้อล้างตัวเฉยๆ ยังเชื่อกันว่า หลังเสร็จพิธีแล้ว จะต้องเดินถอยหลังขึ้นจากน้ำ มิหนำซ้ำ บางคนยังเชื่อว่า ถ้าได้ตีลังกาในน้ำช่วงเที่ยงคืน ก็จะช่วยให้โชคดี และเป็นการป้องกันไม่ให้ความชั่วร้ายมาหาตลอดปีอีกด้วย

และสำหรับความเชื่อที่มีมานานนับพันปี เกี่ยวกับเคราะห์ร้ายนั้น คงไม่มีอะไรที่ดูจะโหดไปมากกว่าความเชื่อเกี่ยวกับแมวดำในยุโรป กล่าวคือ พวกยุโรปมักจะคิดว่า แมวดำเป็นสัญลักษณ์ของโชคร้าย แม้ว่าปัจจุบันจะมีผู้เลี้ยงแมว รักแมวมากขึ้น แต่ก็ยังมีผู้ที่ทนกับแมวดำไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอิตาลี ซึ่งมีการประมาณการกันว่า ในปี 2549 ที่ผ่านมา น่าจะมีการสังหารแมวดำมากกว่า 60,000 ตัวในประเทศนี้ เพราะกลัวว่าพวกมันจะนำมาซึ่งโชคร้าย จนถึงกับทำให้สมาคมกลุ่มปกป้องสัตว์และสิ่งแวดล้อม ของอิตาลีต้องออกมารณรงค์รักษาชีวิตเจ้าเหมียวที่ดันเกิดมาสีดำไว้ โดยกำหนดให้วันที่ 17 พฤศจิกายนของทุกปีเป็นวันแมวดำ หรือ Black Cat Day ซึ่งเจ้าของแมวจะได้รับการชักชวนให้นำแมวดำออกไปเที่ยว และปลุกกระแสให้ชาวอิตาลีเลิกฆ่าแมวดำเพื่อขจัดความโชคร้าย หรือสะเดาะเคราะห์เสียที แต่ก็คงต้องใช้เวลาอีกนาน กว่าจะแก้ความเชื่อที่ฝังมานานนี้ได้

ฝรั่งยังเชื่อกันอีกว่า หากแมวดำเดินผ่านหน้า ถือว่าโชคร้ายจะมาเยือนแน่ๆ ให้แก้ด้วยการเดินเป็นวงกลม จากนั้นถอยหลังข้ามตรงที่แมวเดินผ่านไปโดยนับให้ได้ 13 ก้าว หรือหากอยากทำง่ายๆ หน่อยก็ให้ถอยหลังไป 12 ก้าว เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับค้างคาว ซึ่งเป็นสัตว์อีกประเภทหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของโชคไม่ดี ชาวตะวันตกเชื่อว่า หากค้างคาวบินเข้าบ้าน หรือนกฮูกร้อง 3 ครั้ง เจอผีเสื้อ 3 ตัวในเวลาเดียวกัน ได้ยินไก่ขันกลางคืน การเผลอลงจากเตียงโดยก้าวเท้าซ้ายก่อน รูปภาพหล่นจากที่แขวนไว้ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่จะทำให้ความซวยมาเยี่ยม แต่ทางแก้ก็ง่ายนิดเดียว คือให้หมุนตัว 3 ครั้ง ทวนเข็มนาฬิกาเป็นอันเสร็จพิธีสะเดาะเคราะห์แบบรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม หากจะพูดกันถึงเรื่องเคราะห์หามยามร้ายแบบสุดๆ แทบทุกวัฒนธรรมในแถบเอเชียก็มองไปที่สิ่งซึ่งเกี่ยวกับความตาย นั่นคือ งานศพ และโลงศพ

ยกตัวอย่างเช่น คนจีนเชื่อว่าหลังจากกลับมาจากงานศพ ก่อนเข้าบ้านให้เด็ดยอดต้นทับทิมมาใส่ภาชนะที่มีน้ำ แล้วเอาน้ำล้างหน้า หรือการห้ามมิให้หญิงมีครรภ์ไปงานศพโดยเด็ดขาด ด้วยเกรงว่าวิญญาณร้ายที่วนเวียนอยู่ในบริเวณงาน อาจทำร้ายวิญญาณบริสุทธิ์ในครรภ์ของหญิงผู้นั้นได้ เป็นต้น

สำหรับโลงศพนี้ คนเอเชียส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากเจอ หรือแม้แต่จะพูดถึง เพราะแค่คิดก็รู้สึกว่าจะเกิดเรื่องร้ายแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ในบ้านเรามีความเชื่อในบางสังคมว่า หากรู้สึกโชคร้าย ก็สามารถสะเดาะเคราะห์กับโลงศพได้ ด้วยการลงไปนอนในโลง เพื่อเป็นการต่ออายุ และขับไล่ความโชคร้ายออกไป ทำให้เกิดพิธีกรรมนอนโลง บังสุกุลตาย-บังสุกุลเป็น เพื่อต่ออายุกันในหลายพื้นที่

การนอนโลง เป็นพิธีในการสะเดาะเคราะห์อยู่อย่างหนึ่งที่ชาวพุทธเชื่อว่า การได้บังสุกุลเป็นบังสุกุลตาย เป็นการให้พระมาช่วยสะเดาะเคราะห์ เป็นพิธีที่ทำมาแต่โบราณ เชื่อว่าเมื่อมีเคราะห์หามยามร้ายจะให้พระบังสุกุลเป็นบังสุกุลตายให้ เสริมจิตใจให้เข้มแข็ง เหมือนตายแล้วเกิดใหม่โดยการถือศีล 5 และให้พระเจริญนพเคราะห์เพื่อเสริมสิริมงคล

ไม่เพียงแต่ในเมืองไทยเท่านั้น ที่เกาหลีใต้ ใกล้ๆบ้านเราก็มีการจัดพิธีนอนโลงด้วยเหมือนกัน แถมยังมีผู้ที่ยอมควักกระเป๋าเป็นค่าเข้าร่วมพิธีกันอย่างล้นหลาม ด้วยความเชื่อคล้ายๆ กันก็คือ ชีวิตใหม่หลังการ (แกล้ง) ตายนั้น ย่อมดีกว่าชีวิตเดิมๆ ที่เป็นอยู่

แล้วก็ไม่น่าเชื่อเลยว่า วันนี้ได้มีคนเอาความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของการ "นอนโลง" เพื่อสะเดาะเคราะห์มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์ไทยเรื่อง "โลงต่อตาย" ซึ่งนำเสนอผลลัพธ์ของการนอนโลงในแง่มุมแตกต่างจากที่เราๆ เคยได้รับรู้กันมา ผลจากการนอนโลงจะช่วยสะเดาะเคราะห์ได้จริงๆหรือไม่ หรืออาจกลายเป็นเหตุสร้างเภทภัยสยองขวัญอันไม่คาดคิด!

และนั่นคงเป็นสิ่งที่พวกเรายังต้องติดตามค้นหากันต่อไป...

3 ก.ย. 2554

คติความเชื่อของภาคอีสาน


คนอีสานนับถือวิญญาณบรรพบุรุษ คือ ผีปู่ตา และผีฟ้า คือ แถน ควบคู่ไปกับการนับถือพระพุทธศาสนา
ฉะนั้นในแต่ละหมู่บ้านทางภาคอีสาน จะต้องมี " ดอนปู่ตา " ซึ่งเป็นที่ดอนมีต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน
นักตั้งศาลเรียกว่า "ตูบ" 4 เสาขึ้นเพื่อเป็นที่สถิตของบรรพบุรุษ กลางหมู่บ้านก็จะต้อง " หลักบ้าน"
เป็นเสาไม้มงคลมีเสาเอก และเสาบริวารเป็นที่สิงสถิตของเทพารักษ์ เพื่ออารักขาให้หมู่บ้านอยู่ดีมีสุข
และจะมีพิธีเซ่นสรวงในเดือน 7 เรียก บุญซำฮะ

การถือฤกษ์ยามในการปลูกเรือน ในเดือนยี่ เดือนสี่ เดือนหก เดือนเก้า เดือนสิบสอง ถือเป็น
ฤกษ์ที่ดีในการปลูกเรือน โดยเฉพาะในเดือนหกและเดือนเก้า

ทำเลการปลูกเรือน ทำเลที่เหมาะในการปลูกเรือน เช่น รูปดวงจันทร์รูปมะนาวตัดรูปเรือ
สำเภาและรูปสี่เหลี่ยมคางหมู เป็นความเชื่อสำหรับผู้ครองเรือนในทุกภูมิภาคเพื่อให้เกิดความเป็นสิริ
มงคลต่อผู้อยู่อาศัย ในภาคอีสานก็เช่นเดียวกันหากจะมีคติความเชื่อในเรื่องทิศและชัยภูมิที่ดินเพิ่มเติม
คือหากเป็นแผ่นดินที่สูงทางใต้ ต่ำทางเหนือ เป็นที่ ไชยะ แผ่นดินที่สูงทางตะวันตก ต่ำทางตะวันออก
เป็นที่ยะสะศรี แผ่นดินที่สูงทางพายัพ ต่ำทางทักษิณ เป็นที่ สะศรี ถือว่าเป็นทำเลที่ดี

เลือกเสาเรือน การเลือกไม้ทำเสาเรือนในภาคอีสานเป้นความสำคัญอันดับแรกเช่นเดียวกับ
ภาคอื่นลักษณะของเสาเรือนที่ดี สำหรับคนอีสาน เชื่อว่าควรคัดเสาต้นตรง 4 ประเภท คือต้นเสากลาง
เสาและปลายเสาขนาดเท่ากันต้นเสาใหญ่ ปลายเสาเล็ก เป็นเสาตัวเมียดี ต้นเสาเล็กปลายเสาใหญ่กลาง
เสาเล็กไม่ดีเสาอมเปลือกเสาอมเปลือก เสาคด เสาเป็นตาเป็นรอยไม่ดี

"เสาแฮก" หรือเสาแรกซึ่งเป็นเสาสำคัญในการปลูกเรือนให้เลือกไม้ซึ่งเกิดในที่ราบเรียบใบ
ไม่ระเกะระกะกับต้นอื่นลำต้นปลอดเกลี้ยงใบดกมองดูคล้ายพระภิกษุยืนกางกลดกิ่งใบไม่เหี่ยวแห้งมี
นกหนูและมดดำแดงอาศัยอยู่มาก ควรนำมาทำเสาแรกเจ้าของเรือนจะอุดมสมบูรณ์ด้วยข้าวของเงินทอง

"เสาขวัญ" เสาสำคัญอันดับรอง ให้เลือกไม้ที่เกิดบนดินแล้วลาดต่ำลงมา ซึ่งมีลำต้นสูงกว่าต้น
อื่น ๆ กิ่งใบไม่เหี่ยวแห้ง เวลาสงัดไม่มีลมจะมีใบหนึ่งไหวติงอยู่ไม่ขาดระยะไม้ต้นนี้เมื่อเลือกมาทำเป็น
เสาขวัญเจ้าของเรือนจะมั่งคั่งมั่งมี

วิธีคัดเลือกเสาวิธีหนึ่งคือ การดูตาเสาเช่นเดียวกับภาคกลาง เสาที่เป้นมงคลควรเป็นเสาปลอด
คือมีตาเสาบางอย่างที่ให้คุณ เช่น ตาก้นหอย คือ เสาที่มีตาเป็นขอดเหมือนก้นหอย ตาดาวเรือง คือ เสา
ที่มีตาเล็ก ๆเป็นนมหนูทั่วไปตามลำเสาทั้งสองลักษณะนี้เป็นมงคลนัก

โสก - สัดส่วนที่เป็นมงคล การโสก หมายถึงการกระทำที่ถูกโฉลก คือ สัดส่วนความกว้าง
ยาวสูงที่เป็นมงคล ถ้าดีเรียกว่า ถูกโสก องค์ประกอบของเครื่องเรือนที่นิยมโสก หาสัดส่วนที่เป็นมงคล
ได้แก่ เสาเรือนกะทอดเรือน (พรึง) บันไดเรือน เป็นต้น ตัวอย่างเช่น วิธีโสกความยาวของเสาเรือน จะ
ใช้เท้าเจ้าของเรือนทาบแล้วนับตามลำดับ

การฝังของมงคล ในบริเวณบ้านเรือนสมัยโบราณ มีการฝังของมงคลไว้ตามทิศต่าง ๆ เพื่อให้
อยู่เย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง ของที่ควรฝัง อาทิ ทองคำ - ทิศบูรพา เงิน - ทิศอาคเนย์
เหล็ก - ทิศทักษิณ ตะกั่ว -ทิศหรดี ทอง - ทิศปัจฉิม แก้ว - ทิศพายัพ เขา - ทิศอุดร งา - ทิศอีสาน

ปลูกต้นไม้มงคล ในภาคอีสานถือว่าต้นไม้เป็นมงคลอย่างหนึ่ง หากปลูกให้ถูกทิศทางจะเกิด
ความสุขความเจริญ คตินี้ปรากฏในภาคกลางเช่นเดียวกัน ต้นไม้มงคลตามทิศของภาคอีสาน มีดังนี้
ทิศบูรพา - ปลูกกุ่ม ก่าม กระถิน มะพร้าว หมาก พลู ทิศอาคเนย์ - ปลูกต้นยอ ทิศทักษิณ - ปลูกมะม่วง
มะเฟือง มะไฟ ทิศหรดี - ปลูกต้นคูณ สะเดา ขนุน ทิศปัจฉิม - ปลูกมะขาม มะยม ทิศพายัพ -
ปลูกมะกรูดมะนาว ทิศอุดร - ปลูกต้นหมากตัน(พุทรา) ทิศอีสาน - ปลูกดอกรัก ต้นแพง

ลางบอกเหตุตามความเชื่อโบราณ

เรื่องทั่วๆไปในทางไม่ดี
>ห้ามใส่ชุดดำเยี่ยมคนป่วย
> ชุดสีดำเป็นสีที่คนโบราณถือนักถือหนาว่า เป็นสีแห่งความทุกข์โศก
>ใช้ใส่เฉพาะงานศพเท่านั้น หรือหากจะใช้แต่งกายสีดำ ก็ไม่ควรเป็นสีดำทั้งชุด
>ควรเป็นครึ่งท่องใส่ผสมกับสีอื่นๆ
> ชุดสีดำ จึงไม่นิยมใส่เข้าไปในงานมงคลต่างๆ เช่นงานวันเกิด งาน
>แต่งงาน หรือแม้กระทั่งไป เยี่ยมผู้ป่วยก็เหมือนกัน เท่ากับว่า เป็นการแช่งหรือ
>เดาเหตุการณ์ล่วงหน้าให้ผู้ป่วยนั้นตายเร็วขึ้น ทำให้จิตใจผู้ป่วยหดหู่และหมด
>กำลีงใจ เกิดอาการทรุดลงได้ง่ายจึงไม่ให้ใช้สีดำ ควรเป็นสีที่สดใสและแสดง
>ใบหน้าที่สดชื่นอีกด้วย


จิ้งจกร้องทัก ห้ามออกจากบ้าน
> จิ้งจกในปัจจุบันหาพบได้ง่ายกว่าตุ๊กแก มักจะเกาะอยู่ตามฝาผนัง
>ของบ้าน โดยปกติทั่วๆ ไป เรามักจะไม่ค่อยได้ยินเสียงจิ้งจกร้องมากนัก จะ
>เป็นเพราะมีจำนวนน้อย หรือบางบ้านไม่มีให้เห็นเสียแล้ว หรือไม่ค่อยมีเวลาอยู่
>บ้านมากนัก จึงไม่ได้ยินเสียงของมัน
> ตามคำเชื่อของคนโบราณกล่าวว่า หากจิ้งจกร้อทัก จะกี่ครั้งก็ตาม
>ทว่าเสียงนั้นอยู่ด้านหลังหรือตรงศรีษะของคุณ ให้พยายามเลื่อนการเดินทาง
>เป็นเวลาอืน อาจจะเป็นภายในวันเดียวกันก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานั้น เพราะอาจทำให้
>คุณได้รับอุบัติเหตุหรือไม่มีโชคลาภ แต่หากเสียงร้องทักอยู่ด้านหน้า หรือซ้าย
>มือ ให้เดินทางได้ จะทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างสะดวกสบาย จะได้พบโชค
>ลาภ หรือติดต่อธุรกิจเป็นผลสำเร็จ


ตุ๊กแกร้องกลางวัน มีเหตุร้าย
> ตามปกติแล้วตุ๊กแกที่อาศัยอยู่ในบ้าน มักจะร้องตอนกลางคืน แต่
>ถ้าวันดีคืนดีเกิดร้องลางวันขึ้นมาไม่ว่าจะร้องกี่ครั้งก็ตาม ให้ถือว่า เป็นการ
>บอกเหตุร้ายว่า กำลังจะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว หรือภายในบ้าน ซึ่งโดย
>ปกติแล้วตุ๊กแกจะไม่ค่อยร้องในช่วยกลางวันอยู่แล้ว ( กลางวันในที่นี้หมายถึง
>ตั้งแต่เวลาเริ่มสว่างจนถึงมืดลง )
> คนโบราณเชื่อว่าตุ๊กแกคือ ร่างที่วิญญาณของปู่ย่าตายายที่ตายไป
>แล้วมาอาศัยอยู่ คอยดูแลคุ้มครองเพื่อให้สัญญาณบอกเหตุแก่ลูกหลาน และ
>จะไม่เคยเห็นตุ๊กแกทำร้ายใครเลย


กลางคืนได้ยินเสียงร้องเรียก ห้ามขานรับ
> สำหรับบ้านในสมัยโบราณ ที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้สะดวกเหมือนในปัจจุบัน
>ค่ำลงต่างคนก็ต่างดับตะเกียงปิดฟงปิดไฟกันเลย คนโบราณจึงว่าว่า หากปิดบง
>ปิดบ้านแล้วมีเสียงคนมาร้องเรียก ให้เงียบเสีย เพราะนั่นเป็นเสียงของดวง
>วิญญาณ อาจจะมาหลอกมาหลอนก็เป็นได้
> แต่หากมองกันให้ลึกลงไปอีก อาจเป็นการป้องกันขโมยมาเข้าบ้านใน
>ยามวิกาลก็เป็นได้ เพราะขโมยอาจมาหลายรูปแบบ บางคนก็ว่า หากมีเสียงเรียก
>แล้วยังขานรับ จะทำให้วิญญาณนั้นเข้ามาหรือเข้ามาในบ้านได้

ชมีปาน แสดงว่าเคยเกิดมาแล้ว
> เด็กทารกคนใดที่เกิดมาแล้วมีปานหรือเรียกว่า มีตำหนิ ในส่วนใดส่วน
>หนึ่งของร่างกาย คนโบราณถือว่า ได้เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง และถูกป้ายด้วยของ ทำ
>เป็นตำหนิเอาไว้ หากเป็นปานแดง ก็เชื่อกันว่า ถูกป้ายด้วยปูนแดงและหากเป็นปานดำ
>ก็เชื่อกันว่า ถูกป้ายด้วยถ่านเพราะถ้าหากมีบุญจริง อาจจะพบกันชาติหน้าและจำกันได้
>โดยให้สังเกตจากตำหนิ
> แต่ในหลักความเป็นจริงแล้ว การเกิดปานไม่ว่าจะมีสีใดก็ตาม เป็นเพราะ
>ผิวหนังผิดปกตินั่นเอง


ตาเขม่น
> ฮิต ฮิต ฮิต เรื่องตาเขม่นตามความเป็นจริงแล้ว เขม่นได้หลายส่วนของ
>ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปาก แขน ขา หรือแม้กระทั่งตา ดังนั้นการเขม่นตาจะแบ่งออก
>เป็น 3 ช่วงคือ
> หากเขม่นตาในช่วงเช้า - บ่าย คนโบราณกล่าวไว้ว่า หากเป็นข้างขวาจะมีโชค
>ลาภ ได้รับข่าวดี เรียกว่า จะสมหวังในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่คอย และหากเขม่นที่ตาซ้าย
>ท่านว่าจะมีเคราะห์ โชคร้ายผิดหวังเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน เช่น มีการทะเลาะกัน
>เกิดขึ้น หรือจะต้องสูญเสียของรักบางอย่างไป
> ถ้าเขม่นตาไม่ว่าจะเป็นข้างซ้ายหรือข้างขวา ในช่วงเวลาเย็นถือว่ามีโชคมีลาภ
>จะได้พบญาติสนิทมิตรรักเดินทางมาหา
> แต่ถ้าเป็นในช่วงกลางคืน การเขม่นตาขวาจะได้ดี จะมีเคราะห์มีเหตุร้ายเกิด
>ขึ้น ตรงกันข้าม ถ้าหากเขม่นตาซ้ายจะมีโชคลาภจากเพื่อน จะสมหวังสิ่งที่รอคอย เรียกว่า
>ขวาร้าย-ซ้ายดี
> การเขม่นตานี้ เชื่อกันว่า เป็นลางบอกเหตุที่แม่นยำมาก ท่านให้ถือเวลาที่จะเกิด
>เหตุไม่ดีและร้ายภายใน 3 วันอย่างแน่นอน


มีกลิ่นธูป หมายถึงวิญญาณ
> ในยามวิกาลเสียงเงียบสงัด เมื่อใดได้กลิ่นธูปลอยมา โดยที่ไม่มีใครจุดธูปใน
>บริเวณนั้นๆ เลย คนโบราณเชื่อกันว่า เป็นวิญญาณของญาติสนิทภายในครอบครัวมาหา
>จะเป็นเพราะคิดถึง ห่วงใยกันหรือด้วยเหตุใดก็ตาม ท่านให้คนที่ได้กลิ่นธูปนั้น จุดธูป 1
>ดอก ลอกเล่าให้ไปที่สงบๆ อย่ากังวลสิ่งใดที่จะทำให้วิญญาณไม่สงบสุขเลยบางคนอาจ
>ขอพรจากวิญญาณญาติสนิทนั้นให้ปกปักรักษา และให้โชคลาภด้วย
> แต่หากไม่มีญาติสนิทในระยะนั้นเสียชีวิต ก็เชื่อกันว่า อาจจะเป็นวิญญาณ
>พเนจรทั่วไป ก็ให้จุดธูปเช่นเดียวกันบอกเล่าว่า อย่ามารบกวนให้กลัว ให้ไปที่ชอบที่สงบ
>และนิยมใส่บาตรแผ่ส่วนกุศลให้ในวันรุ่งขึ้นด้วย


เลือกก้าวเท้าก่อนออกจากบ้าน
> ก่อนออกจากบ้าน เพื่อไปทำธุรกิจหรือพบปะผู้คน โบราณท่านว่าไว้ ให้ดูฤกษ์ยาม
>ก่อนออกจากบ้านเสียก่อน เพราะนอกจากเวลาเที่ยงแล้ว ควรดูด้วยว่าจะไปทำการใดจึงจะมี
>ความสำเร็จได้ เช่น